ถ้าบอกว่า “ศิลปะไม่ใช่เรื่องวาดรูป”
จะเชื่อไหม?
ศิลปะที่ใกล้ตัวเรากันมากที่สุดก็คงเป็น วิชาศิลปะในโรงเรียน และสิ่งแรกที่จะนึกถึงคือ รูปปั้นปูน ขวดแก้ว หรือผลไม้ นักเรียน A+ ก็มักจะเป็นเพื่อนที่วาดรูปเก่งที่สุดในห้อง ส่วนคนที่ไม่ได้สนใจการวาดกล้วยมากกว่าการกินกล้วย ก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรถ้าจะได้เกรดน้อยกับวิชาที่ไม่ค่อยสำคัญนี้
เพราะสุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดจากการนั่งจ้องกล้วยสามชั่วโมงแล้วผสมสีให้เหมือนกล้วย ก็อาจจะช่วยได้แค่เรื่องการทำสมาธิ อย่างดีหน่อยก็...โตไปคงหากินกับมันได้มั้ง (ถ้าดัง หรือถ้าคิดงานที่ไม่ซ้ำคนอื่นได้อ่ะ)
นอกจาก A+ จะตัดเยื่อใยกับนักเรียนอีกเกินครึ่งในห้องที่ไม่ได้ชอบวาดรูปแล้ว การสอนให้นักเรียนวาดรูป หรือสร้างงานศิลปะอื่นๆได้(ถ้ามี) ยิ่งย้ำอีกว่า ศิลปะ คือความสามารถพิเศษ คือสิ่งที่คนบางกลุ่มทำเท่านั้น และที่สำคัญ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรนอกจากเอาไว้ใช้ประกวด หรือเอ็นเข้ามหาลัยได้
ครูไม่ผิด คนวาดรูปเก่งไม่ผิด คนไม่อยากวาดรูปก็ไม่ผิด ดูๆแล้วศิลปะจะผิดซะเองนะ จะมีไว้ทำไม? จริงมะ?
ถ้าบอกว่า “ศิลปะคือเครื่องมือ”
จะเชื่อไหม?
ศิลปะที่ใกล้ตัวเรากันมากที่สุดก็คงเป็น การสื่อสารในชีวิตประจำวัน และสิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ การพูด(ส่งสาร) และการรับสารผ่านช่องทางต่างๆตลอดเวลา(รับสาร) แต่ถ้าเปิดใจมองดูแล้ว ศิลปะ ไม่ใช่แค่การสื่อสารในเชิงนิเทศฯ แต่รวมไปตั้งแต่กระบวนการรับรู้ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ตัดสิน และการตอบสนองกับสารใดๆที่เราได้รับมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำกันแบบ auto pilot คือ แทบไม่ได้คิดกันอยู่ทุกวัน เพราะชีวิตมันเต็มไปด้วยความเร่งรีบหนิ แต่ศิลปะนี่แหละ สามารถเป็นเครื่องมือในการสำรวจและเรียนรู้กระบวนการข้างต้นนี้ได้
นอกจากการวาดรูป(ซึ่งเป็นส่วนค่อนข้างปลายๆแล้วในการสื่อสาร) เราอาจจะมองข้ามกระบวนการรับสารไปเกือบทั้งหมด(เหลือแค่ส่วนที่ตัดสินว่าอะไรดีไม่ดี ตามความเห็นส่วนตัว) ลองคิดดูดิ ถ้าคนเราใส่ใจความคิดและการรับรู้สิ่งรอบตัว ได้เท่ากับ ตอนที่เพื่อน A+ วิชาศิลปะ ใส่ใจการผสมสีให้เหมือนกล้วย คนเราจะตัดสินใจ และเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นมากแค่ไหน?
คุณไม่ผิด ศิลปินไม่ผิด คนที่ไม่สนใจศิลปะก็ไม่ผิด และไม่สายเกินไปที่จะลองลบเส้นที่ร่างผิดไป
เพื่อมามองให้เห็นภาพรวมของ “ศิลปะ” ในมุมที่คุณอาจจะไม่คิดว่ามีด้วยซ้ำไป
13.01.2019
จะเชื่อไหม?
ศิลปะที่ใกล้ตัวเรากันมากที่สุดก็คงเป็น วิชาศิลปะในโรงเรียน และสิ่งแรกที่จะนึกถึงคือ รูปปั้นปูน ขวดแก้ว หรือผลไม้ นักเรียน A+ ก็มักจะเป็นเพื่อนที่วาดรูปเก่งที่สุดในห้อง ส่วนคนที่ไม่ได้สนใจการวาดกล้วยมากกว่าการกินกล้วย ก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรถ้าจะได้เกรดน้อยกับวิชาที่ไม่ค่อยสำคัญนี้
เพราะสุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดจากการนั่งจ้องกล้วยสามชั่วโมงแล้วผสมสีให้เหมือนกล้วย ก็อาจจะช่วยได้แค่เรื่องการทำสมาธิ อย่างดีหน่อยก็...โตไปคงหากินกับมันได้มั้ง (ถ้าดัง หรือถ้าคิดงานที่ไม่ซ้ำคนอื่นได้อ่ะ)
นอกจาก A+ จะตัดเยื่อใยกับนักเรียนอีกเกินครึ่งในห้องที่ไม่ได้ชอบวาดรูปแล้ว การสอนให้นักเรียนวาดรูป หรือสร้างงานศิลปะอื่นๆได้(ถ้ามี) ยิ่งย้ำอีกว่า ศิลปะ คือความสามารถพิเศษ คือสิ่งที่คนบางกลุ่มทำเท่านั้น และที่สำคัญ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรนอกจากเอาไว้ใช้ประกวด หรือเอ็นเข้ามหาลัยได้
ครูไม่ผิด คนวาดรูปเก่งไม่ผิด คนไม่อยากวาดรูปก็ไม่ผิด ดูๆแล้วศิลปะจะผิดซะเองนะ จะมีไว้ทำไม? จริงมะ?
ถ้าบอกว่า “ศิลปะคือเครื่องมือ”
จะเชื่อไหม?
ศิลปะที่ใกล้ตัวเรากันมากที่สุดก็คงเป็น การสื่อสารในชีวิตประจำวัน และสิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ การพูด(ส่งสาร) และการรับสารผ่านช่องทางต่างๆตลอดเวลา(รับสาร) แต่ถ้าเปิดใจมองดูแล้ว ศิลปะ ไม่ใช่แค่การสื่อสารในเชิงนิเทศฯ แต่รวมไปตั้งแต่กระบวนการรับรู้ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ตัดสิน และการตอบสนองกับสารใดๆที่เราได้รับมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำกันแบบ auto pilot คือ แทบไม่ได้คิดกันอยู่ทุกวัน เพราะชีวิตมันเต็มไปด้วยความเร่งรีบหนิ แต่ศิลปะนี่แหละ สามารถเป็นเครื่องมือในการสำรวจและเรียนรู้กระบวนการข้างต้นนี้ได้
นอกจากการวาดรูป(ซึ่งเป็นส่วนค่อนข้างปลายๆแล้วในการสื่อสาร) เราอาจจะมองข้ามกระบวนการรับสารไปเกือบทั้งหมด(เหลือแค่ส่วนที่ตัดสินว่าอะไรดีไม่ดี ตามความเห็นส่วนตัว) ลองคิดดูดิ ถ้าคนเราใส่ใจความคิดและการรับรู้สิ่งรอบตัว ได้เท่ากับ ตอนที่เพื่อน A+ วิชาศิลปะ ใส่ใจการผสมสีให้เหมือนกล้วย คนเราจะตัดสินใจ และเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นมากแค่ไหน?
คุณไม่ผิด ศิลปินไม่ผิด คนที่ไม่สนใจศิลปะก็ไม่ผิด และไม่สายเกินไปที่จะลองลบเส้นที่ร่างผิดไป
เพื่อมามองให้เห็นภาพรวมของ “ศิลปะ” ในมุมที่คุณอาจจะไม่คิดว่ามีด้วยซ้ำไป
13.01.2019